การทำงานของ ULTHERA treatment
หลักการทำงานของ Ulthera เป็นการปล่อยคลื่นอัลตร้าซาวน์ที่มีความเฉพาะเจาะจง ซึ่งคลื่นจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนประมาณ 65 องศา โดยการใช้หัว Ulthera ส่งพลังงานลงสู่ชั้นใต้ผิวหนังได้ลึกถึง 3 ระดับ คือ
- 5 mm.ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) และชั้นหนังแท้ (Dermis) จะไปทำให้คอลลาเจนเกิดการหดตัวและจัดเรียงตัวขึ้นใหม่อย่างเป็นระเบียบ
- 0 mm.ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous fat) จะไปสลายไขมันที่สะสมและกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดให้ทำงานได้ดีขึ้น
- 5 mm.ชั้นกล้ามเนื้อส่วนบน (SMAS) จะไปทำให้โครงสร้างเนื้อเยื่อนั้นถูกเย็บเป็นจุด ๆ มีระยะห่างกันประมาณ 1 mm. ยังไปกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ผิวจะค่อย ๆ เต่งตึงและกระชับมากขึ้น ซึ่งการรักษาด้วย Ulthera จะไม่ทำลายผิวหนังด้านบน
ULTHERA เหมาะสำหรับใคร
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไปควรทำ แต่ถ้าน้อยกว่า30 ทำนาน ๆ ครั้งก็ได้
- ผู้ที่ต้องการความสะดวก ประหยัดเวลา ซึ่งไม่ต้องการทำศัลยกรรมหรือผ่าตัดที่ใช้เวลาพักฟื้นนาน
- ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย มีกรอบหน้าไม่ชัด มีรูขุมขนกว้าง
- สามารถทำการรักษาบริเวณใบหน้า (หน้าผาก หางตา หางคิ้ว รอบดวงตา แก้ม มุมปาก กรอบหน้า และใต้คาง) บริเวณลำคอและเนินอก
ULTHERA treatmentไม่เหมาะสำหรับใคร
- หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือโรคที่มีอาการร้ายแรง
- ผู้ที่มีบาดแผลหรือกำลังเป็นสิว
ULTHERA treatment ทำหลายครั้งได้ไหม ทำได้บ่อยแค่ไหน?
ผู้ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยไม่มากหรือยังมีอายุน้อยกว่า 30 ปี ควรทำปีละ 1 ครั้ง ส่วนผู้ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยหรือมีอายุมาก ๆ ควรทำปีละ 2-3 ครั้ง (ทำซ้ำทุก ๆ 6 เดือน) เนื่องจากผิวจะค่อย ๆ เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา หรืออาจจะทำการรักษาแบบอื่นควบคู่กันได้ เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
หลายคนคงสงสัยว่าการรักษาด้วย Ulthera สำหรับผู้ที่เริ่มมีอายุหรือกำลังมีสภาพผิวหย่อนคล้อยมาก โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวัยเลขสามขึ้นไป ส่วนใหญ่จะมีการสร้างของคอลลาเจนในชั้นใต้ผิวหนังลดลงและเกิดการเสื่อมสภาพ
เนื่องจากผิวหนังของคนเราจะมีองค์ประกอบหลัก ๆ อยู่ 3 อย่าง คือ
1) คอลลาเจน (Collagen) จะเป็นองค์ประกอบหลักที่อยู่ในชั้นผิวหนัง ซึ่งจะช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น และเต่งตึง
2) อีลาสติน (Elastin) ช่วยทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและสามารถยืดออกได้มาก
3) กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid ) หรือ HA ช่วยในการจับตัวกับน้ำ เพื่อรักษาความชุ่มชื่นให้คงอยู่ในผิวหนัง
ดังนั้นยิ่งอายุเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งควรทำ ulthera เพราะเริ่มมีสภาพผิวที่ไม่แข็งแรง การผลิตคอลลาเจนลดลง เกิดการหย่อนคล้อยและเสื่อมสภาพ ผิวของเราไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ควรได้รับการดูแลอย่างถูกต้องและถูกวิธี ulthera เป็นอีกหนึ่งทางเลือกค่ะ ที่ไม่ต้องผ่าตัดไม่ต้องเจ็บตัวเลย
การทำ ULTHERA ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?
การทำ ULTHERA อาจเป็นเรื่องแปลกใหม่ของใครหลาย ๆ คน อาจจะเคยได้ยินมาบ้างหรือบางคนก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน สำหรับคนที่ตัดสินใจทำ ULTHERA แน่นอนว่าต้องมีข้อสงสัยว่า แล้วต้องดูแลมันยังไง ทั้งก่อนทำและหลังทำ วันนี้เราจึงมีคำตอบมาให้ค่ะ
ผลลัพธ์หลังทำ ULTHERA จะอยู่ได้นานเท่าไหร่?
หลังทำการรักษาจะเห็นผลได้ประมาณ 20-30 % เมื่อผ่านไป 3 เดือน จะเห็นผลการรักษาได้ 100 %
โดยการรักษาเพียงครั้งเดียว สามารถคงสภาพอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวของแต่ละคน
การดูแลตัวเองก่อนทำ ULTHERA
ก่อนการเข้ารับการรักษาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ควรเตรียมสภาพผิวของเราให้พร้อม อาทิเช่น
1.ควรบำรุงผิวหน้าและผิวกายด้วยครีม
2.ควรรับประทานอาหารที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้แก่ผิวหนัง เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ที่มีสีแดง ปลาทะเลน้ำลึก
3.ควรออกกำลังกายให้ได้วันละ 30-60 นาที เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและทำให้ระบบโลหิตมีการไหลเวียนดีขึ้น
4.งดรับประทานยาที่ทำให้เลือดออกได้ง่าย
5.งดสูบบุหรี่
6.งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์
การดูแลตัวเองหลังทำ ULTHERA
1.ควรบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวหนัง
2.ควรล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดในคืนแรกหลังทำ
3.ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางไม่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือสารที่ทำให้เกิดการอุดตันบนใบหน้า
4.ควรดื่มน้ำเปล่าแทนการดื่มคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ให้ได้ประมาณ 1.5 ลิตรต่อวัน
5.ควรเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวหนัง เช่น การมาส์กผิวด้วยว่านหางจระเข้หรือแตงกวา
6.หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดผลไม้ (AHA) และกรดซาลิไซลิก (BHA) เนื่องจากจะไปทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้
7.หลีกเลี่ยงการใช้ยาทาสิว
8.หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดด และควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปกป้องแสงแดดที่มีค่า SPF ประมาณ 30-50
9.หลีกเลี่ยงการเผชิญมลภาวะ ฝุ่น หรือควัน
10.หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้ความร้อนกับผิวหนังโดยตรง เช่น การซาวน่า เพราะความร้อนจะไปทำให้ร่างกายเกิดการขาดน้ำและเลือดข้นหนืดขึ้น
11.หากมีอาการแดงหรือบวมที่ผิวหนัง ควรสัมผัสผิวเบา ๆ และงดการนวดหรือถูบริเวณใบหน้าไปก่อน
12.หากมีอาการปวดที่ผิวหนัง ควรรับประทานยาแก้ปวดหรือการประคบเย็นด้วยเจลเย็น
13.หากมีอาการผิวแห้ง ควรบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีมอยเจอร์ไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิวเป็นประจำ
ดังนั้นใครที่อยากทำควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน รวมไปถึงเครื่องมือและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เห็นแบบนี้แล้วก็อยากทำเลยค่ะ เพราะไม่ต้องเจ็บตัวเข้าห้องผ่าตัดเลย สวย จบ ในวันเดียว และดูแลตัวเองให้ดีทั้งก่อนและหลังทำ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด