ซิลิโคนเสริมหน้าผาก ชนิดแผ่นในปัจจุบันมีการพัฒนาไปมาก มีความนิ่มและมีหลายขนาดให้เลือก หรือจะสั่งทำ Custom made ให้เหมาะกับแต่ละบุคคลก็สามารถทำได้ ทำให้ความนิยมในการใช้สูงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะสามารถแก้ไขปัญหาผิวไม่เรียบของสารเติมเต็มหรือไขมันได้เป็นอย่างดี และเป็นการผ่าตัดเพียงครั้งเดียว
แล้วทำไมเราต้องผ่าตัดผ่านกล้อง??
ผ่าตัดเสริมหน้าผากโดยทั่วไป ต้องกรีดแผลยาวประมาณ 5 ซม.กลางกระหม่อม ทำให้มีแผลเป็นยาว อีกทั้งการเปิดช่องใต้ผิวหนังสำหรับซิลิโคน ก็ทำแบบมองไม่เห็น (Blind dissection) มีโอกาสที่เครื่องมือจะโดนเส้นเลือดหรือเส้นประสาทที่สำคัญ ดังนั้นการใช้กล้องเข้ามาช่วยในการผ่าตัดนอกจากจะช่วยเรื่องแผล ที่สามารถเล็กลง แล้วยังทำให้สามารถหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บต่อเส้นเลือดและเส้นประสาทดังกล่าวได้อีก เนื่องจากเราสามารถมองเห็นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังได้หมด ความละเอียดในการผ่าตัดและความปลอดภัยจึงมีมากกว่า โอกาสบวมช้ำน้อยกว่า และหายเร็วกว่า
การผ่าตัดเสริมหน้าผากผ่านกล้องเป็นวิธีใหม่ที่ยังไม่แพร่หลายเนื่องจากแพทย์ผ่าตัดต้องมีความชำนาญสูงอีกทั้งยังต้องมีเครื่องมือที่ทันสมัยร่วมด้วย ซึ่งในอนาคตน่าจะกลายเป็นมาตรฐานสำหรับการผ่าตัดเสริมหน้าผาก
https://www.facebook.com/dr.alexclinic
การใช้ซิลิโคนแบบสำเร็จรูป (Ready made silicone implant) เดิมทีศัลยแพทย์ส่วนใหญ่จะใช้เป็นซิลิโคนเสริมหน้าผากชนิดที่เป็นแบบสำเร็จรูป ซึ่งปัญหาที่พบจากการผ่าตัดด้วยวิธีนี้คือซิลิโคนไม่แนบสนิทกับหน้าผาก เพราะซิลิโคนชนิดนี้ไม่ได้ผลิตมาเพื่อหน้าผากของคนไข้โดยเฉพาะบุคคล ก็เทียบได้กับการซื้อเสื้อผ้าที่ระบุไซส์ แบบกว้างๆเช่น S, M, L และ XL คือ ”ใส่ได้ แต่ไม่พอดี”ดังนั้นปัญหาที่ตามมาคือการคลำได้ขอบรอยต่อระหว่างซิลิโคนกับหน้าผาก และบางครั้งพบว่ามีการเคลื่อนตัวจากตำแหน่งที่เคยวางไว้ทำให้หน้าฝากดูเบี้ยวไปได้
ในปัจจุบันได้มีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาในจุดนี้ คือการเสริมหน้าผากด้วยแผ่นซิลิโคนเฉพาะบุคคล (Custom made silicone implant) ซึ่งขั้นตอนการทำก็คือ แพทย์จะทำการส่งแบบจำลองหน้าผากจริงของคนไข้ ด้วยการหล่อแบบหน้าผากคนไข้ที่เป็นปูนพลาสเตอร์หรือสร้างภาพจำลองสามมิติจากการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) บริเวณหน้าผาก แล้วส่งไปยังห้องLab เพื่อผลิตเป็นแผ่นซิลิโคนหน้าผากของคนไข้ออกมาตามขนาดที่ต้องการ
หลังจากได้ซิลิโคนหน้าผากแล้ว แพทย์จะทำการผ่าตัดเพื่อใส่แผ่นซิลิโคน โดยวิธีที่แนะนำคือวิธีการผ่าตัดผ่านกล้อง (Endoscope) เพราะแผลเล็กกว่า และฟื้นตัวเร็วกว่า แต่จะผ่าตัดแบบไหนก็ตามก็ขึ้นกับความต้องการของแต่ละคนเช่นกัน
เห็นแบบนี้แล้วคงนำไปเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่จะเสริมหน้าผาก แบบใช้ ซิลิโคนเสริมหน้าผาก Custom Made กันได้เลย ดังนั้นควรเลือกเทคนิคที่ปลอดภัย และเลือกแพทย์ที่ชำนาญ ผลลัพธ์ถึงจะออกมาดีแบบที่เราต้องการ ^^
ก่อนศัลยกรรม เสริมหน้าผาก โดยใช้ ซิลิโคนเสริมหน้าผาก Custom Made ควรปฏิบัติตัวอย่างไร?
1.งดทานยาต้านการอักเสบ เช่น แอสไพริน / สูบบุหรี่/ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ / อาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น กระเทียม น้ำมันปลา อย่างน้อย 2 อาทิตย์ ก่อนการผ่าตัดเสริมหน้าผาก
2.สำหรับคนที่ทานสมุนไพรบางชนิด เช่น น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส ยาวิตามินอีปริมาณสูงๆ อาหารที่มีส่วนผสมของผงชูรส กระเทียม หัวหอม ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง อาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติ หรือมีปัญหาระหว่างผ่าตัดได้ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน เพราะอาจต้องหยุดรับประทานสมุนไพรก่อนเข้ารับการผ่าตัดประมาณ 7-10 วัน
3.แนะนำให้สระผมมาก่อนเข้ารับการผ่าตัดเสริมหน้าเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
4.คนที่มีโรคความดันสูงต้องควบคุมความดันให้เป็นปกติก่อนที่จะเสริมหน้าผากสัก 2 อาทิตย์
5.เตรียมตัวลาพักงานประมาณ 1 อาทิตย์
6.ควรพาเพื่อนหรือญาติมาด้วยในวันเสริมหน้าผาก เพราะหลังจากทำแล้วอาจจะมีอาการเวียนหัวได้เนื่องจากการเสียเลือด
ถ้ามีโรคประจำตัว ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที ก่อนการผ่าตัด มิฉะนั้นอาจเกิดอันตรายได้
7.คนที่เป็นโรคหัวใจ ที่ต้องกินยาต้านเกล็ดเลือด เช่น แอสไพริน ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนผ่าตัดเสริมหน้าผาก
8.คนที่กินยา Cumadin เพื่อป้องกันภาวะการแข็งตัวของเส้นเลือดดำที่ขาหรือในผู้ที่เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวและหยุดยาก่อนมารับการผ่าตัดเสริมหน้าผาก
หลังศัลยกรรมเสริมหน้าผาก ควรปฏิบัติตัวอย่างไร?
1.ให้ประคบเย็นบริเวณหน้าผากประมาณ 2 วันแรก แต่หลังจากนั้นให้ทำการประคบอุ่น วิธีนี้จะช่วยให้อาการปวดบวมลดลงได้
2.ดื่มน้ำเยอะๆ กินยาแก้ปวดทุก 4 ช.ม. เป็นเวลา 2 วันติดต่อกันหลังจากการผ่าตัด
3.ล้างหน้า สระผมได้ตามปกติ (1 เดือนหลังทำผ่าตัดสามารถทำสีผมได้) กรณีแผลเปียกน้ำให้เช็ดให้แห้งแล้วเช็ดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทันที
ให้นอนราบไม่ต้องหนุนหมอน เพื่อลดอาการบวมที่ใบหน้าและรอบดวงตา
4.การตัดไหมสามารถทำได้หลังจากการผ่าตัดเสริมหน้าผากประมาณ 2 สัปดาห์
5.งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดเป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน
6.รับประทานยาตามแพทย์สั่งจนหมด ถ้าเกิดอาการแพ้ยา เช่น มีอาการผื่นแดง คัน คลื่นไส้ อาเจียน แน่นหน้าอก ให้มาพบแพทย์ทันที
7.ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในรูปแบบหนักๆเป็นเวลาประมาณ 2-3 เดือน เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนหน้าผาก เพราะไม่เช่นนั้น อาจจะทำให้ซิลิโคนผิดรูปทรงได้
8.เข้าไปพบแพทย์ตามใบนัด หากพบอาการผิดปกติใดๆควรแจ้งแพทย์ให้ทราบทันที
การเสริมหน้าผาก ด้วย ซิลิโคนเสริมหน้าผาก ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณคิด แต่ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์และสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานมีใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข ควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ทั้งก่อนและหลังอย่างเคร่งครัด
Leave a reply