INTRODUCTION
การจะมีตาสองชั้นที่สวย ต้องเลือกเทคนิคและรูปแบบในการทำตาที่เราชื่นชอบ Angel’s Eye™ คือการทำตาสองชั้นถาวรแบบไร้รอยแผล เป็นเทคนิคที่ใช้เครื่องเลเซอร์หัวจี้ที่มีขนาดเล็กมาก และเย็บด้วยไหมญี่ปุ่นเส้นเล็กมากทำให้บวมน้อย แทบไม่ต้องพักฟื้น วิธีการเย็บของคุณหมอทำให้ขนตางอนเป็นพิเศษ ซึ่งจะทำให้ตาดูหวานไม่เหมือนใครนั่นเองค่ะ แต่นั่นเป็นเพียงการอธิบายในเชิงเทคนิคและวิธีการทำ ซึ่งจริงๆ แล้วสิ่งที่ Angel’s Eye™ ไม่เหมือนการทำตาสองชั้นแบบทั่วไปเลยก็คือ การทำตาสองชั้นให้ออกมาดูทรงเสน่ห์ มองแล้วดูมีพลังออกมาจากนัยด์ตาที่พร้อมจะสะกดทุกสายตาที่โดนมองด้วย Angel’s Eye™ ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า The Emotional Upper Eyelid Surgery
DETAILS PART
ถ้าคุณเป็นหนึ่งในข้อเหล่านี้มากกว่า 2 ข้อ ถือว่าคุณอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องพิจารณาการทำตาสองชั้น ก่อนที่จะเกิดปัญหาหางตาตกหรือหนังตาหย่อนในอนาคต หรือปัญหาตาที่เป็นอยู่จะเป็นหนักกว่าเดิมจนอาจจะต้องทำให้เสียค่าใช้จ่ายและเวลาพักฟื้นที่มากกว่าปกติได้
-
Eyeliner/Mascara เลอะระหว่างวัน
ถ้าคุณเป็นมากกว่า 2 ข้อ
มาทำความรู้จัก ANGEL’S EYE™ กันเลย
เรื่องทำตาสองชั้นต้องยกให้เรา เพราะ Dr. Alex Clinic เราค้นพบแล้วว่า ดวงตาที่สวยนั้นไม่ใช่เพียงแต่มีสองชั้นแต่ต้องเป็นดวงตาที่มีความรู้สึก มองแล้วสามารถสื่ออารมณ์และสะท้อนบุคลิกและความเป็นตัวตนของเราได้ผ่านการสื่อสารจากดวงตา ซึ่งนั่นคือที่มาของประโยคที่ว่า “Eye is the window of your heart” ซึ่งเป็นประโยคยอดฮิตที่สามารถใช้ได้ตลอดกาล แล้ว Angel’s Eye™ คืออะไร? มีแบบไหนบ้าง? ที่ Dr. Alex Clinic เราออกแบบการทำตาสองชั้น Angel’s Eye™ ไว้ทั้งหมด 2 แบบ ซึ่งในแต่ละแบบจะแตกต่างกันที่บุคลิกและ Life Style
Posh Angel’s Eye™
Hot Angel’s Eye™
ทำตาสองชั้นแบบไหนดี?
แล้วตาแบบไหนที่ทำให้ใบหน้าดูแก่?
ทำตาที่ไหนก็ไม่เหมือน Angel’s Eye™?
- ทำไมหลายๆ คนถึงเทใจและชอบ Angel’s Eye™? เพราะการทำตาสองชั้นและการออกแบบชั้นตาให้ดูทรงเสน่ห์ และมีพลังไม่ใช่ว่าเกิดขึ้นได้เพราะการที่มีตาสองชั้น แต่มันคือศิลปะการออกแบบขนาดชั้นตาและรูปแบบการทำรวมไปถึงเทคนิคที่ใช้ทำให้ผสมผสานออกมาลงตัวให้เป็น Hot หรือ Posh Angel’s Eye™ ซึ่งมีปัจจัยดังนี้
- การออกแบบความสูงของชั้นตา: ชั้นตาที่ดูเล็กเกินจะทำให้ตาดูเป็นธรรมชาติจนดูแทบไม่ออกว่าทำตาสองชั้นมาจนเกิดความแตกต่าง ชั้นตาที่หนาหรือสูงเกินไปจะทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย และต้องแต่งตาตลอดเวลา ไม่สามารถเปลือยหน้าสดได้ ซึ่งชั้นตาที่หวานต้องไม่เล็กเกินไปและลึกหรือสูงเกินไปนั่นเอง
- การวัดและการออกแบบความงอนของขนตา: ชั้นตาจะหวานหรือไม่หวานนั้นขึ้นอยู่กับการออกแบบรูปแบบความงอนของขนตา ซึ่งความงอนของขนตาจะต้องพอดี ขนตาจะต้องงอนดูเรียงแพสวยเป็นธรรมชาติ ไม่งอนเกินไปจนเหมือนขนตาบรือหรือเบิกขึ้นมากจนเห็นขอบตาบน ซึ่งจะทำให้การแต่งตาหรือการปัดมาสคาร่านั้นดูไม่เป็นธรรมชาติ
- การออกแบบความยาวของรูปตา: ตาที่หวานจะต้องมีความยาวของรูปตาที่พอดี ซึ่งนั่นหมายถึงหัวตาและหางตาจะต้องไม่ปิดเข้ามาในตาขาวมากเกินไป ตาที่สวยและหวานจะต้องมีลักษณะแบบ Almond Shape การทำตาให้เป็นแบบ Almond Shape เพื่อให้ได้ตาหวานแบบ Hot หรือ Posh Angel’s Eye™ สามารถแก้ไขด้วยวิธีการผ่าตัดแบบเปิดหัวตาและเปิดหางตา (Lateral/)
- รูปแบบการกรีดชั้นตา : นอกจากการออกแบบความสูงของชั้นตาแล้ว รูปแบบการกรีดชั้นตาก็สำคัญไม่แพ้กัน รูปแบบการกรีดชั้นตามีเพียงสองแบบเท่านั้น คือการกรีดแบบ Tepered และแบบ Parallel รูปแบบการกรีดตาทั้งสองแบบสร้างลำดับความหวานของตาต่างกัน ถ้ากรีดแบบ Tepered คือการกรีดเปิดแผลจากหัวตาชิดชั้นตาและโค้งงอนออกไปจนถึงหางตา (Low Crease) ซึ่งชั้นตาที่ได้ก็จะออกมาดูหวานและเป็นธรรมชาติ (Posh Angel’s Eye™) แต่การกรีดแบบ Parallel คือการกรีดเปิดแผลจากหัวตาให้อยู่เหนือเส้นขอบตาเล็กน้อย (ความสูงของชั้นตาสามารถปรับระดับได้ตามความต้องการของคนไข้ว่าต้องการสูงมากน้อยเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ควรหนาเกินเพราะจะทำให้ใบหน้าดูแก่) (Medium to High Crease) ซึ่งการกรีดลักษณะนี้จะทำให้ตาดูคม โตและเป็นชั้นตาแบบสายยุโรป (Hot Angel’s Eye™)
- รูปแบบการกรีดชั้นตา : นอกจากการออกแบบความสูงของชั้นตาแล้ว รูปแบบการกรีดชั้นตาก็สำคัญไม่แพ้กัน รูปแบบการกรีดชั้นตามีเพียงสองแบบเท่านั้น คือการกรีดแบบ Tepered และแบบ Parallel รูปแบบการกรีดตาทั้งสองแบบสร้างลำดับความหวานของตาต่างกัน ถ้ากรีดแบบ Tepered คือการกรีดเปิดแผลจากหัวตาชิดชั้นตาและโค้งงอนออกไปจนถึงหางตา (Low Crease) ซึ่งชั้นตาที่ได้ก็จะออกมาดูหวานและเป็น
- การออกแบบเทคนิคการกรีดชั้นตา: การได้ตาที่เหมาะกับลุคของคนไข้คือการเลือกเทคนิคการแก้ไขชั้นตาที่ถูกต้อง เช่น คนไข้ที่มีหางตาตกหรือหนังตาหย่อน จะต้องทำตาสองชั้นด้วยการกรีดแผลยาวแทนการกรีดสั้น ในบางเคสอาจจะต้องมีการตัดหนังร่วมด้วย ส่วนเคสที่ตาสองข้างไม่เท่ากันหรือมีลักษณะของกล้ามเนื้อตาตก (Ptosis) ต้องแก้ไขและออกแบบตาสองชั้นด้วยการกรีดเปิดแผลแบบสั้น และมีเทคนิคซ่อมชั้นตาร่วมด้วยเป็นต้น
ขั้นตอนการทำ
เริ่มด้วยการฉีดยาชาหนังตาบน และวาดวัดขนาดชั้นตา จากนั้นกรีดด้วยเลเซอร์เปิดแผลขนาด 8-9 มม. เย็บล็อกชั้นตาด้านในและปิดแผลด้านนอกด้วยไหมขนาดเล็ก สำหรับการกรีดยาวแผลจะมีขนาดประมาณ 1-2 ซม.
เทคนิคการทำ
- ตัดไขมันออกสร้างชั้นตาด้านใน
- ย้ายไขมันไว้ในตำแหน่งที่ทำให้ดวงตามดูอวบอิ่มและสร้างชั้นตาด้านใน
- ซ่อนกล้ามเนื้อตาด้านในแก้ปัญหาหนังตาหย่อน ชั้นตาไม่เท่ากันและสร้างชั้นตาด้านใน
- ฉีดไขมันเข้าที่ตาโดยใช้ปืนฉีดไขมัน ฉีดไขมันที่ได้จากหน้าท้องเหมาะสำหรับผู้ที่มีเบ้าตาลึก
รายละเอียดการทำ
- ใช้เครื่องจิ้มมาตรฐานไม่เป็นแผลนูน ไม่ช้ำ บวมน้อย
- ใช้เวลาทำ 20-30 นาทีสำหรับการกรีดสั้น และ 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมงสำหรับการกรีดยาว
- 5 วันตัดไหมสำหรับการกรีดสั้นและ 7 วันตัดไหมสำหรับการกรีดยาว
- ติดตามผลตามผล 5 วัน/14 วัน/1 เดือน 2 เดือน 3 เดือน สำหรับการกรีดสั้นและ 7 วัน/14 วัน/1 เดือน 2 เดือน 3 เดือน สำหรับการกรีดยาว
- ใช้เวลาพักฟื้น 3-5 วันสำหรับการกรีดสั้นและ 10- 14 วันสำหรับการกรีดยาว
หลายๆ คนสงสัยว่ากรีดตาสองชั้นแบบเย็บสามจุดดีหรือไม่?
การทำตาสองชั้นแบบเลเซอร์และการเย็บสามจุดนั้นใช้เวลาในการทำและเวลาในการพักฟื้นไม่ต่างกันมากนัก ซึ่งการทำตาสองชั้นแบบถาวรหรือการผ่าตัดกรีดโดยใช้เครื่องเลเซอร์สามารถแก้ปัญหาตาได้ทุกรูปแบบแต่การเย็บ 3 จุดนั้น ไม่สามารถตัดไขมันและไม่สามารถแก้ไขปัญหาเบ้าตาลึกหนังตาหย่อน หางตาตก กล้ามเนื้อตาตก และชั้นตาไม่เท่ากันได้ และเมื่อเวลาผ่านไป 3-6 เดือนหลังจากทำตาสองชั้นแบบเย็บสามจุด ชั้นตาจะตกลงมาคล้ายเดิมหรือไม่ต่างจากเดิมมาก ซึ่งถือว่าเป็นการทำตาสองชั้นแบบไม่ถาวร ส่วนการทำตาสองชั้นแบบถาวรหรือการผ่าตัดกรีดโดยใช้เครื่องเลเซอร์นั้นอยู่ได้ประมาณ 20-30 ปีขึ้นไปซึ่งชั้นตาจะมีการเปลี่ยนรูปตามอายุและความหย่อนคล้อยของผิวหนังธรรมชาติ ซึ่งจะจะต้องทำให้คนไข้ต้องพิจารณาการตัดหนังส่วนเกินในอนาคตแต่ชั้นตาไม่ได้หายไปนั่นเอง
การดูแลตัวเองก่อนและหลังทำตา
ก่อนการผ่าตัด:
- ไม่จำเป็นต้องงดอาหาร
- ลดยาที่ลดการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแอสไพริน ควรหยุดรับประทาน 7-10 วันเพราะอาจเป็นเหตุให้เลือดออกง่ายและออกมากกว่าปกติ งดสมุนไพรก่อนผ่าตัด
- งดใช้เครื่องสำอางบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณตาก่อนทำการผ่าตัด
- สระผมให้สะอาด เพราะอาจสระผมไม่สะดวกในวันแรก ๆ หลังจากผ่าตัด
- จัดเวลาพักผ่อนสำหรับพักฟื้น อย่างน้อย 3-5 วันสำหรับการกรีดสันและ 7-10 วันสำหรับการกรีดยาว
หลังการผ่าตัด:
- รับประทานยาตามแพทย์สั่งให้ครบ 7 วัน ยาแก้ปวดทานเฉพาะเวลาปวด ยาฆ่าเชื้อและลดบวมทานจนหมด
- นอนยกศีรษะให้อยู่สูงกว่าลำดตัว โดยใช้หมอนรองคอเพื่อลดอาการบวนประมาณ 2-3 วันแรกหลังผ่าตัด
- ประคบเย็น 3 วันแรก บริเวณแผลอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดอาการบวมและอาการปวด วันที่ 4 และ 5 ประคบอุ่นเพื่อลดอาการเลือดคั่งบริเวณใต้ผิวหนัง
- ห้ามทำความสะอาดแผลหรือบริเวณแผล ซึ่งแผลอาจมีเลือดซึมออกมาได้ภายใน 1-2 วันแรกให้ปล่อยทิ้งไว้แบบนั้นจนถึงวันตัดไหม
- 2-3 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด ควรสวมแว่นกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เพื่อป้องกันแสงแดดสะสม
- ในช่วยอาทิตย์แรกคนไข้ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมทุกอย่างที่ต้องใช้สายตา เช่น การอ่านหนังสือ ดูทีวี ใช้คอมพิวเตอร์และการใส่คอนแทคเลนส์เนื่องจากจะทำให้ตาแห้งได้
- หลีกเลี่ยงอย่าให้แผลหรือบริเวณรอบแผลโดนน้ำภายใน 7-10 วันแรก ควรทำความสะอาดหน้าแบบใช้สำลีเช็ดหน้าไปก่อน
- ภายในเดือนแรกหลังผ่าตัด ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีผลต่อความดันลูกตาได้แก่ การเล่นกีฬาทุกประเภท การก้ม การยกของหนัก
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอลล์และสูบบุหรี่ 2 สัปดาห์แรกเพรามีผลทำให้แผลหายช้า
- งดอาหารเสริมทุกชนิด 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด
- งดทาครีมบำรุง ครีมรักษารอยแผลเป็นหรือครีมทุกชนิดบริเวณแผลหลังทำ 6 เดือน
- ลดอาหารประเภทโปรตีน เช่น ไก่ ไข่ อาหารหมักดอง อาหารทะเลประมาณ 7-14 วัน
- ห้ามจับหรือยุ่งกับแผล หากมีอาการคันที่แผลเพราะไหมมีขนาดเล็กไหมอาจหลุดและชั้นตาอาจจะหลุดได้
*Angel’s Eye (Alternative and Generative Evolved Laboratory’s Eye Youth Equation)