--

Laser Resurfacing คืออะไร

เป็นวิธีการรักษาปัญหาหลุมสิวรูปแบบหนึ่งโดยยิงเลเซอร์เข้าไปยังหลุมสิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนภายใต้ชั้นผิว ส่งผลให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาดันหลุมสิวให้กลับมาเรียบเนียนเหมือนผิวส่วนอื่นบนใบหน้า การรักษาหลุมสิวด้วยการยิงเลเซอร์แบ่งออกเป็น 4 แบบ ได้แก่ เลเซอร์รักษาหลุมสิวแบบมีแผล, เลเซอร์หลุมสิวแบบไม่มีแผล, เลเซอร์หลุมสิว แบบแฟรคชันนอล (Fractional Laser) และคลื่นวิทยุแบบแฟรคชันนอล (Fractional RF) ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาการรักษาประเภทนี้จนมีเครื่องยิงเลเซอร์หลุมสิวออกมามากมาย แต่เครื่องที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจะมี 4 เครื่อง ได้แก่ Picosecond Laser, Fractional CO2, Fractional Radio Frequency และ Mass Surgery นอกจากจะรักษาหลุมสิวได้แล้ว เลเซอร์หลุมสิวยังช่วยแก้ปัญหาอื่นของผิวหน้าได้อีกด้วย เช่น ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ, ลดฝ้า กระ รอยดำ รอยแดง, ริ้วรอยก่อนวัย, ผิวเรียบเนียนขึ้น ฯลฯ

หลุมแผลเป็นจากสิวมี 4 ลักษณะใหญ่ๆดังนี้

1. Ice-pick scars ลักษณะหลุมแหลมลึก (deep, narrow, pitted scars) ขนาดเล็ก แคบกว่า 2 มิลลิเมตร หลุมลึกลงในแนวตั้งถึงชั้นหนังแท้หรือชั้นไขมัน มักพบบริเวณแก้มทั้ง 2 ข้าง จัดเป็นหลุมชนิดที่รักษายากที่สุด

2. Rolling scars หลุมกว้างขอบคล้ายแอ่งกะทะ (broad depressions with sloping edge)?ลักษณะหลุมกว้าง ขอบคล้ายแอ่งกะทะ ขนาดมากกว่า 4-5 มิลลิเมตร หลุมมักตื้น กว้าง ขอบป้าน เป็นคลื่นๆ เนื่องจากมีพังผืดดึงรั้งใต้ผิว หลุมชนิดนี้ สามารถรักษาได้ค่อนข้างง่าย

3. Boxcar scars ลักษณะหลุมกว้าง มักเป็นรูปวงกลมหรือวงรี มีขอบลึกลงตั้งฉากกับก้นหลุม ( broad depressions with with sharply defined edges) มีขนาดของขอบหลุมและก้นหลุมใกล้เคียงกัน ขนาดกว้างประมาณ 1-4 มิลลิเมตร พบได้บ่อย ทั้งจากสิวอักเสบ และอีสุกอีใส มักพบบริเวณแก้มด้านล่าง ขมับ และขากรรไกร มีทั้งแบบตื้นและลึก ตั้งแต่ 1-5 มิลลิเมตร โดยแบบตื้น สามารถรักษาได้ง่าย แต่หากเป็นแบบลึก จัดเป็นชนิดของหลุมที่รักษาค่อนข้างยากเช่นกัน

4.Hypertrophic/Keloid Scars ลักษณะรอยแผลเป็นนูน คือ เป็นรอยแผลเป็นที่เกิดจากผิวหนังถูกกระตุ้นให้ผลิตเนื้อเยื่อบริเวณสิวอักเสบในปริมาณที่มากเกินไปจนเนื้อเยื่อนูนออกมามากกว่าบริเวณโดยรอบ รอยแผลเป็นอาจมีสีแดงหรือสีชมพูก็ได้ บางรายอาจมีอาการคันหรือปวดแผลร่วมด้วย นอกจากนี้รอยแผลเป็นนูนอาจเกิดจากอาการบาดเจ็บจากการฉีดขาดของเนื้อเยื่อ แผลจากไฟไหม้ หรือแผลจากการผ่าตัดได้อีกด้วย

การรักษาในปัจจุบันมีหลายวิธีได้แก่

-การฉีดกระตุ้นการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ

-การตัดพังผืดหลุมสิว (Subcision)

-การทำเลเซอร์ (Laser resurfacing)

-การกรอผิว (Microdermabrasion)

-การฉีดสารเติมเต็ม (Tissue augmentation)

-แต้มกรดTCA

สิ่งสำคัญที่สุดคือการป้องกันการเกิดหลุมแผลเป็นซึ่งสามารถทำได้ดังนี้

-รักษาสิวตั้งแต่เนิ่นๆเพื่อลดการเกิดสิวอักเสบเรื้อรังซึ่งจะทำให้เกิดหลุมแผลเป็นตามมา

-ทายารักษาสิวเป็นประจำเพื่อป้องกันการเกิดสิว

-หลีกเลี่ยงการแกะเกาบีบสิวซึ่งมักทำให้เกิดการอักเสบลุกลามมากยิ่งขึ้น

สำหรับการเลือกวิธีการรักษานั้นควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีการที่เหมาะกับปัญหาและสภาพผิวสามารถทำควบคู่กันหลายวิธีได้เพื่อให้เห็นผลการรักษาที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

Laser Resurfacing หรือ Fine Scan ทำงานอย่างไร?

หลักการของ Laser Resurfacing หรือ Fine Scan คือการปล่อยคลื่นแสงลงไปใต้ผิวเป็นจุดเล็กมากๆนับพันจุดต่อตารางเซนติเมตร คลื่นแสงจะลงไปยังบริเวณผิวหนังในระดับที่พอดีกับการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เช่น หากต้องการรักษาฝ้าจุดด่างดำก็จะปล่อยแสงลงไปใต้ผิวหนังระดับตื้น แต่หากต้องการรักษาแผลเป็นจากสิว หรือริ้วรอยเหี่ยวย่น ก็จะต้องปล่อยแสงลงไปในระดับลึกถึงชั้นโครงสร้างคอลลาเจน โดย Skin rejuvenation laser สามารถส่งเลเซอร์ผ่านผิวหนังลงไปได้ลึกถึง1500ไมครอน(1.5มิลลิเมตร) โดยแพทย์จะเป็นผู้เลือกว่าการรักษาแบบต่างๆควรจะให้แสงเลเซอร์ลงไปสู่ผิวลึกแค่ไหน เมื่อแสงเลเซอร์สัมผัสกับผิวจะเกิดปรากฏการณ์ Fractional Photothermolysis ขึ้น ณ ตำแหน่งนั้นเอง เซลล์เก่าจะแปรสภาพเป็นเซลล์ที่ตายไปซึ่งจะถูกผลัดให้หลุดออกไปภายใน 1 – 2 สัปดาห์ และมีการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน

Laser Resurfacing หรือ Fine Scan เหมาะกับการรักษาปัญหาผิวพรรณประเภทใด
  1. -หลุมสิว หลุมอีสุกอีใส รอยแผลเป็นจากการผ่าตัด
  2. -ริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นต่างๆทุกบริเวณทั่วร่างกาย
  3. -ฝ้ากระจุดด่างดำและสภาพผิวที่เสื่อมโทรมตามวัย
  4. -ผิวมันรูขุมขนกว้าง
  5. -ผิวหน้าหยาบกร้านไม่เนียนเรียบ
  6. -การสร้างเซลล์ผิวใหม่(Resurfacing)
  7. -รักษาปัญหาผิวแตกลาย

ชั้นผิวหนัง

ต้องรักษาด้วย Laser Resurfacing หรือ Fine Scan บ่อยแค่ไหน

โดยส่วนใหญ่ควรทำการรักษาอย่างน้อย 4-6 ครั้งทุกๆ 3-6 สัปดาห์ หรือขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล การรักษาในแต่ละครั้งจะทำให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทนเซลล์ผิวเดิมที่เสื่อมสภาพไปโดยสามารถปรับพื้นที่ครอบคลุมการรักษาเป็นระดับเปอร์เซนต์ได้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่ต้องการรักษาผลการรักษาจะเห็นได้ชัดเจนหลังการรักษาครั้งที่ 2-3 ซึ่งมีเซลล์ผิวใหม่ถูกสร้างขึ้นมาทดแทน 40-60% แต่ผู้เข้ารับการรักษาจะสามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับผิวทันทีหลังการรักษาครั้งแรก ผลการรักษาจะยิ่งดีขึ้นเรื่อย เนื่องจากกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ (Collagen Remodeling Process)ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

ข้อจำกัดของการรักษา

ผิวระคายเคือง ผิวบาง ผิวอักเสบ ขาดสมดุล ควรรักษาให้ผิวแข็งแรงขึ้นก่อน จึงจะสามารถทำเลเซอร์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
• ผู้ที่ต้องออกแดดกลางแจ้งเป็นประจำ ไม่สามารถหลบเลี่ยงแดดได้เลยในช่วง 1-2 สัปดาห์
• ผู้ที่มีหลุมสิวระดับลึก มีพังผิดดึงรั้งใต้หลุมมาก ควรรักษาด้วยวิธีหัตถการแพทย์ก่อน จึงค่อยใช้เลเซอร์ช่วยเก็บรายละเอียดในภายหลัง
• ผู้ที่คาดหวังการหายของแผลเป็นหลุมสิวในระดับเนียนกริบแบบผิวปกติ 100% ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการใดทำได้แบบนั้น

การเตรียมตัวก่อนการรักษาด้วย Fine Scan

การรักษาด้วย Laser Resurfacing หรือ Fine Scan นั้นเริ่มจากการทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่ต้องการทำการรักษา จากนั้นทายาชาลงบนบริเวณที่จะทำการรักษาทิ้งไว้ 40-60 นาที แพทย์จะใช้หัวเลเซอร์สัมผัสเบาๆบริเวณผิวและเคลื่อนที่ไปมาให้ทั่วบริเวณจนครบตามขนาดพลังงานที่คำนวณไว้เรียบร้อยแล้วโดยทั่วไปจะใช้เวลาในการรักษาประมาณครั้งละไม่เกิน 30 นาที

หลังการรักษาด้วย Fine Scan

หลังการรักษาคนไข้จะมีสีผิวอมชมพูคล้ายตากแดดจัดประมาณ 2-3 วัน ซึ่งเป็นกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น ระหว่างนี้สามารถดูแลผิวและแต่งหน้าได้ตามปกติ หรือหากเป็นผู้ชายก็สามารถโกนหนวดได้ตามปกติ เซลล์ผิวใหม่จะถูกสร้างขึ้นทันทีภายใน24ชั่วโมง แต่ในระหว่างที่เซลล์ผิวเก่ายังไม่ถูกผลัดออกไปนั้นผิวหน้าจะมีสะเก็ดบางๆสีคล้ำซึ่งจะค่อยๆหลุดไปภายใน7-10วัน และจะมีเซลล์ผิวใหม่ที่สวยงามและมีสุขภาพดีเกิดขึ้นมาแทนที่

ข้อควรปฏิบัติหลังการรักษาด้วย Fine Scan

-หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำบริเวณที่ทำการรักษาประมาณ24ชั่วโมง

-หากต้องการล้างบริเวณที่ทำการรักษาควรล้างอย่างเบามือ

-หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองต่อผิวเช่นยาทาสิว,เอเอชเอ,วิตามินเอในช่วง7วันแรกหลังการรักษา

-หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดหรือสถานที่ร้อนจัดในสัปดาห์แรกหลังจากการรักษา

-หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนหรือการอบซาวน่าในสัปดาห์แรกหลังจากการรักษา

-หากมีอาการบวมแดงหรือผื่นขึ้นบริเวณที่ทำการรักษาควรปรึกษาแพทย์ที่ทำการรักษาทันที

-หากมีสะเก็ดเกิดขึ้นไม่ควรแกะเกา?ควรปล่อยให้หลุดลอกออกเองตามธรรมชาติ

-ควรดูแลผิวหลังการรักษาด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าและครีมบำรุงชนิดอ่อนโยนต่อผิวเพื่อช่วยให้บริเวณที่ทำการรักษาได้รับความชุ่มชื้นตลอดเวลา

-ควรปกป้องผิวที่ทำการรักษาด้วยครีมกันแดดค่าSPF 50ขึ้นไป

-ควรทายาจากแพทย์ที่ทำการรักษาอย่างสม่ำเสมอติดต่อกันอย่างน้อย2สัปดาห์หรือตามแพทย์แนะนำ

Fine Scan (Fractional CO2 Laser Resurfacing) เลเซอร์รักษาหลุมสิว หลุมแผลเป็น รูขุมขนกว้างและริ้วรอย

ระยะเวลาในการรักษา 90 นาที

ความถี่ในการรักษาทุก 3-6 สัปดาห์

สรุป

การทำเลเซอร์เกลี่ยผิวและกรอขอบหลุมสิวที่ Dr.Alex clinic หมอเลือกใช้เครื่อง Skin rejuvenation laser ของบริษัท Bison Medical ผู้นำด้านเครื่องเลเซอร์ที่ได้มาตรฐานจากประเทศสหรัฐอเมริกาและไทย ผ่านการรับรองจากสหรัฐอเมริกา (FDA) และ อย.ไทย ซึ่งเครื่องนี้นับเป็นอีกหนึ่ง Gold Standard Laser ที่ได้รับความเชื่อ ถือจากวงการแพทย์ผิวหนังระดับโลกและเป็นมาตรฐานสากลในการรักษาหลุมสิว มีหลักฐานงานวิจัยหลายฉบับรับรองมาอย่างยาวนานกว่าสิบปี ในการรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด และเหมาะกับผิวของคนเอเชียมากกว่า
*gold standard Laser ในทางการแพทย์หมายถึง เครื่องเลเซอร์ที่ดีที่สุด มาตรฐานสูงสุดสำหรับการรักษารอยโรคนั้นๆ

Leave a reply