Biostimulator มีกี่ชนิด By Dr.Alex
อยากผิวเด็กต้องฉีด Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน เพื่อฟื้นฟูผิวอ่อนเยาว์
คุณหมอสรุป ฉีดBiostimulator กระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวอ่อนเยาว์ ได้อย่างไร?
● Biostimulator คือ สารที่เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหนังจะกระตุ้นให้เซลล์ Fibroblast สร้างคอลลาเจน อิลาสติน และไฮยารูโรนิค ช่วยให้ผิวแน่นกระชับ อิ่มฟู ยืดหยุ่นดี เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอย ใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนหลังฉีด จึงจะเห็นผลชัดเจน
● ข้อดี: Biostimulator กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน type 1, type 3 และอิลาสติน รวมถึงกระตุ้นการทำงานของ Proteoglycan และ Angiogenesis
● ข้อเสีย: ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของ Biostimulator และมีโรคประจำตัวภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง
● ทำ Biostimulator ที่ Dr. Alex Aesthetic Clinic มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ผิวอย่างละเอียดและใช้เครื่องมืออย่างชำนาญ เพื่อออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลที่มีประสิทธิภาพ
Biostimulator นวัตกรรมการฉีดกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อผิวแน่น เต่งตึง เรียบเนียน กระชับ เหมือนผิวเด็กหมดกังวลเรื่องริ้วรอยและความหย่อนคล้อยบนใบหน้า ใครสามารถฉีดได้บ้าง ช่วยเรื่องอะไร ทำให้ผิวเด็กได้อย่างไร ใครอยากผิวดูเด็กลงห้ามพลาดบทความนี้
Biostimulator คืออะไร
Biostimulator หรือเรียกอีกอย่างว่า Collagen Biostimulator คือ สารกระตุ้นคอลลาเจน เมื่อฉีดเข้าสู่ชั้นผิวหนังแล้วจะเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อชดเชยคอลลาเจนที่ลดน้อยลงจากอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้หลังจากฉีดแล้วผิวจะดูแน่นกระชับ อิ่มฟู ยืดหยุ่นดี สุขภาพผิวกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
Biostimulator มีการทำงานอย่างไร
หลักการทำงานของ Biostimulator คือสารเติมเต็มนี้จะประกอบไปด้วยอนุภาคของกรด Poly-LLactic (PLLA) ซึ่งผลิตมาจากโมเลกุลของพืชที่ผ่านการหมักทางชีวภาพจนเกิดเป็นสารประกอบในรูปแบบพอลิเมอร์ที่มีลักษณะโครงสร้างเข้ากับผิวหนังมนุษย์ เมื่อฉีดเข้าไปใต้ชั้นผิวจะกระตุ้นคอลลาเจนโดยทำงานร่วมกับเนื้อเยื่อบริเวณใบหน้า จะกระตุ้นให้เซลล์ต้นกำเนิดในการสร้างเส้นใยคอลลาเจน (fibroblast) สร้างคอลลาเจน อิลาสติน และไฮยารูโรนิค ทำให้เกิดการสะสมรวมตัวกันของเส้นใยคอลลาเจนใหม่ จึงช่วยเสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรงได้ในระยะยาวนั่นเอง
Biostimulator มีกี่ยี่ห้อ
ในปัจจุบัน Biostimulator มีอยู่ด้วยกันหลากหลายยี่ห้อมากครับ แต่ยี่ห้อที่เป็นที่นิยมทั่วโลก ผ่านการรับรองจาก อย. ทั้งในไทย อเมริกา และเกาหลี อีกทั้งยังสามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้มากที่สุด จะมีหลักๆ ด้วยกันอยู่ 2 ยี่ห้อ ดังนี้
Sculptra
Sculptra เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสาร PLLA (Poly-L-Lactic acid) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ และช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน ผิวหน้าที่หย่อนคล้อยดูยกกระชับมากขึ้น ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
Radiesse
Radiesse เป็นสารที่ฉีดกระตุ้นคอลลาเจน ที่มีองค์ประกอบของ CaHA (Calcium Hydroxylapatite) ซึ่งจะเข้าไปกระตุ้นชั้นใต้ผิวหนังให้สร้างคอลลาเจนขึ้นมา เห็นผลลัพธ์คล้ายการฉีดฟิลเลอร์ ผิวหน้ากระชับยืดหยุ่นได้ดี รวมถึงใบหน้าจะดูมีมิติมากขึ้นด้วย
Sculptra VS Radiesse เปรียบเทียบการฉีดกระตุ้นคอลลาเจน
Sculptra กับ Radiesse ต่างก็เป็น Biostimulator ชั้นนำที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน ให้ผลดีในการกระตุ้นคอลลาเจนและชะลอวัย แต่มีความแตกต่างในแง่ของส่วนประกอบโดย Sculptra ทำจาก Poly-L-Lactic Acid จะออกฤทธิ์ผ่านการอักเสบนิดๆ ในระดับเซลล์เพื่อกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาว จากนั้นจะส่งสัญญาณให้เซลล์ Fibroblast สร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่เพิ่มขึ้นมา ในขณะที่ Radiesse ทำจาก Calcium hydroxyapatite ซึ่งคล้ายกับกระดูกของคนเราตามธรรมชาติ
จึงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่เซลล์ Fibroblast โดยตรง นอกจากนี้ทั้งสองยังต่างกันในเรื่องของระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์ โดย Sculptra จะอยู่ได้นานกว่า 24 เดือน แต่ Radiesse อยู่ได้ประมาณ12-15 เดือน
เปรียบเทียบ Biostimulator แต่ละประเภท
นอกเหนือจากที่กล่าวไปแล้วข้างต้น Biostimulator ของทาง Dr.Alex Aesthetic Clinic ยังมีอยู่อีกหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีความแตกต่างกันไป ในเรื่องของส่วนประกอบ คุณสมบัติ และการแก้ไขปัญหาผิว
● Aesthefill มีส่วนประกอบสำคัญ คือ PDLLA (Poly-d,l-lactic acid) และ CarboxymethylCellulose (CMC) มีคุณสมบัติละลายน้ำได้ง่าย ฉีดเข้าผิวง่าย กระตุ้นคอลลาเจนได้ไม่มากนัก แต่ผลลัพธ์ที่ได้ผิวหนังจะกระชับและเรียบเนียนสม่ำเสมอมากขึ้น
- Lenisna มีส่วนประกอบสำคัญ คือ PDLLA (Poly-d,l-lactic acid) และ Hyaluronic acid (HA) มีคุณสมบัติละลายน้ำได้ง่าย ฉีดเข้าผิวง่าย สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้ไม่มาก แต่ HA จะช่วยทำให้ผิวฟูและคงความชุ่มชื้นไว้ในผิวหนัง
- Juvelook มีส่วนประกอบสำคัญ คือ PDLLA (Poly-d,l-lactic acid) และ Hyaluronic acid (HA) มีคุณสมบัติละลายน้ำได้ง่าย ฉีดเข้าผิวง่าย แต่กระตุ้นคอลลาเจนได้น้อย Juvelook จะมีอนุภาคของ PDLLA อยู่เจือจางมากที่สุด เพื่อให้เหมาะกับการนำมาฉีดในบริเวณที่ผิวบอบบาง เช่น บริเวณรอบดวงตา
Sticol มี 2 ชนิด คือ Sticol Volume กับ Sticol Soft
Sticol Volume มีส่วนประกอบสำคัญ คือ Volumlized PLLA (Poly-L-lactic acid) ช่วยดูแลผิวที่จัดการริ้วรอยลึกและรูขุมขนกว้างได้อย่างตรงจุดลดริ้วรอยลึก ให้ผิวเรียบเนียนยกกระชับผิวหน้า คืนความกระจ่างใส ผลลัพธ์ชัดเจน อยู่ได้นาน
Sticol Soft มีส่วนประกอบสำคัญ คือ Micronized PLLA (Poly-L-lactic acid) เมื่อฉีดจะกระตุ้นคอลลาเจนใหม่เป็นสารเติมเต็มในผิวหนัง ตัวสารสลายตัวได้เร็ว สำหรับฉีดใต้ตา ช่วยให้ผิวกระชับ คืนความกระจ่างใส แต่ต้องอาศัยเทคนิคที่แม่นยำและชำนาญ สามารถอยู่ได้นาน
- NeoFilera นวัตกรรมใหม่ของการฉีดฟิลเลอร์กระตุ้นคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอย ซ่อมแซมผิวได้อย่างล้ำลึก ปรับสีผิวให้กระจ่างใส ด้วยพลังของ Poly-D, L-lactic-acid (PDLLA) คืนความยืดหยุ่นของผิว สร้างรูปลักษณ์ที่สมบูรณ์ อิ่มฟู ดูอ่อยเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ประกอบด้วย PDLLA ปริมาณ 150 mg, CMC 50 mg เห็นผลหลังทำทันที
- Gouri มีส่วนประกอบสำคัญ คือ Polycaprolactone (PCL) นวัตกรรมความงามที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว คงความอ่อนเยาว์ ด้วยสาร Polycaprolactone(PLC) ที่มาในรูปแบบของเหลว (Fully Liquid) เป็นสารละลาย 100% ไม่มีการตกค้างในร่างกาย สามารถนำมาใช้ฉีดเข้าชั้นผิวได้อย่างปลอดภัย ผ่านการรับรองจาก อย.ไทย มีคุณสมบัติเด่นในการช่วยฟื้นฟู และแก้ไขผิวที่เสื่อมสภาพตามวัยให้มีคุณภาพดีขึ้นอย่างยั่งยืน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นอีกครั้ง
- Profhilo คือ ตัวยากลุ่มที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ เมื่อผิวอายุมากขึ้นจะมีคอลลาเจนน้อยลง จนเกิดความหลวม ไม่ยืดหยุ่น ริ้วรอย ความไม่กระชับคืนตัว ลักษณะผิวดูมีอายุมากขึ้น Profhilo จะเข้าไปกระตุ้นและซ่อมแซมเซลล์ผิวต่างๆ โดยเฉพาะเซลล์ที่ทำหน้าที่ในการสร้างคอลลาเจนหรือ Fibroblast
- PLANITI เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Collagen biostimulator มีองค์ประกอบหลักคือ Poly L-lactic acid (PLLA) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยในการกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ช่วยลดปัญหาผิวที่เกิดความเสื่อมสภาพของผิว เช่น ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง ผิวขาดความยืดหยุ่น การันตีความปลอดภัยด้วยการผ่านการรับรองเป็นเครื่องมือแพทย์จากองค์การอาหารและยาของประเทศไทยและประเทศเกาหลี รวมถึงได้รับเครื่องหมาย CE
Biostimulator หรือเครื่องยกกระชับ Ulthera / Thermage ดีกว่า?
Biotimulator, Ulthera และ Thermage ต่างก็สามารถช่วยยกกระชับผิวและสร้างคอลลาเจนใหม่ได้โดย Biotimulator เป็นหัตถการที่เหมาะกับการแก้ปัญหาผิวชั้นด้านบนให้แน่น กระชับ เฟิร์ม ด้วยการสร้างคอลลาเจนใหม่เป็นหลัก ส่วน Thermage เหมาะกับผิวชั้นด้านบนเช่นกัน โดยจะช่วยให้คอลลาเจนเดิมหดตัว เหมาะกับผิวที่มีคอลลาเจนเดิมเยอะอยู่แล้ว แต่ถ้าหากอยากเน้นยกกระชับผิวหนังที่ชั้น SMAS เครื่อง Ulthera จะเหมาะสมกว่า
Biostimulator เหมาะกับใคร
การกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนโดยการฉีด Biostimulator เป็นการกระตุ้นใต้ชั้นผิวหนังอย่างเป็นธรรมชาติ และให้ผลในระยะยาว จึงเหมาะมากๆ สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวดังนี้ครับ
● ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น
● มีริ้วรอย ทำให้หน้าดูมีอายุ
● มีความเสื่อมสภาพของผิว เป็นผู้ที่อายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป ที่ต้องการป้องกันผิวให้คงความอ่อนเยาว์
เอาไว้
● ผู้ที่ต้องการทำหัตถการแล้วให้ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนาน เพราะ Biostimulator ให้ผลยาวนานมากถึง 2
ปี
Biostimulator ไม่เหมาะกับใคร
Biostimulator ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนอาจมีข้อจำกัดบางประการ ทำให้ไม่เหมาะกับในบางกรณี หากต้องการฉีดจริงๆ ควรปรึกษาหมอก่อนจะทำการฉีด หรือควรรักษาให้หายดีก่อน โดย Biostimulator จะไม่เหมาะกับกลุ่มคนเหล่านี้
● ผู้ที่ใช้ยากลุ่ม NSAID ยากดภูมิคุ้มกัน หรือ corticosteroids เป็นระยะเวลานาน
● มีปัญหาสุขภาพจิต
● มีโรคทางระบบประสาทสัมผัสในการรับรู้ไม่ดี โรคเบาหวาน โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคเริม โรคลมชัก
● เคยแพ้สารบางชนิดอย่างรุนแรง รวมถึงเคยแพ้ยาชา
● มีการอักเสบที่ผิวหนังบริเวณที่ต้องการฉีด
● กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
● มีภาวะเลือดออกผิดปกติหรือใช้ยาที่ส่งผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เพราะอาจทำให้เกิดรอยฟกช้ำ ห้อเลือด หรือมีเลือดออกได้
● ผู้ที่ใจร้อน อยากเห็นผลในทันที เนื่องจาก Collagen Biostimulator คือการกระตุ้นคอลลาเจนตามธรรมชาติ จึงต้องให้เวลาร่างกายในการสร้างสักเล็กน้อย
ข้อดีของการฉีด Biostimulator
นวัตกรรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจน Biostimulator มีข้อดีหลายอย่างที่จะช่วยให้สุขภาพผิวของเราแข็งแรงขึ้นครับ ไม่ว่าจะเป็น
● ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน type 1 สูงสุดถึง 150%
● ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน type 3 สูงสุดถึง 130%
● ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเส้นใยอิลาสตินมากขึ้น ทำให้ผิวยืดหยุ่นดี ลดเลือนริ้วรอย
● กระตุ้นการทำงานของ Proteoglycan ซึ่งจะทำให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ไม่แห้งกร้าน
● กระตุ้นการทำงานของ Angiogenesis ที่ช่วยสร้างเส้นเลือดในการหล่อเลี้ยงผิว ทำให้เลือดสูบฉีดดีสารอาหารต่างๆ สามารถลำเลียงได้อย่างทั่วถึง ทำให้ผิวดูแดงอมชมพู ดูสดใส มีเลือดฝาดข้อจำกัดของการฉีด Biostimulator
Biostimulator มีข้อดีต่อผิวมากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่ควรคำนึงถึงก่อนที่จะเข้ารับการกระตุ้นคอลลาเจนด้วยวิธีนี้ครับ
● ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของ Biostimulator เช่น Poly-L-lactic acid (PLLA), Carboxymethylcellulose (CMC) หรือ Non-pyrogenic mannitol
● ห้ามใช้ในผู้ที่มีโรคประจำตัวภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune, SLE) หรือ ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน
● ห้ามใช้ในผู้ที่มีประวัติเคยแพ้ Biostimulator ชนิดรุนแรง
● ห้ามใช้ในกรณีที่เคยฉีดแล้วผิวหนังตำแหน่งบริเวณที่ทำเกิดการอักเสบหรือติดเชื้อฉีด Biostimulator อยู่ได้นานไหมหลังจากการฉีด Biostimulator จะสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนช่วง 1-2 เดือนหลังฉีด หากฉีดเพียงครั้งเดียว ผลลัพธ์อาจอยู่ได้แค่ 2-4 เดือน ทางทีมแพทย์จึงแนะนำให้ฉีดต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง
ในช่วงแรกๆ เพื่อให้ผิวค่อยๆ ใช้เวลาปรับตัว แล้วผลลัพธ์จะสามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปีเลย
การเตรียมตัวก่อนฉีด Biostimulator
การฉีด Biostimulator คล้ายกับการทำหัตถการอื่นๆ ที่ควรมีการเตรียมตัวอย่างถูกวิธีสักหน่อย เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ออกมามีประสิทธิภาพสูงที่สุด โดยมีการเตรียมตัวดังนี้
● งดทำหัตถการอื่นๆ บนใบหน้า ก่อนมาฉีด 2-4 สัปดาห์
● งดสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1-3 วันก่อนฉีด
● งดทานยาและวิตามินต่างๆ ที่ส่งผลต่อการละลายลิ่มเลือด ทำให้เลือดออกได้ง่าย อย่างน้อย 1 สัปดาห์ ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดรอยช้ำได้
● นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อประโยชน์ในการให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ได้ดีขึ้น
การดูแลตัวเองหลังฉีด Biostimulator
การเตรียมตัวก่อนฉีดเป็นเรื่องที่สำคัญแล้ว ทว่าการดูแลตัวเองหลังฉีดก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันเลยหากอยากให้การฉีด Biostimulator เป็นไปได้ด้วยดี ควรดูแลตัวเองดังนี้
● หลังจากฉีด 12 ชั่วโมงแรก ให้หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอาง รวมถึงครีมบำรุงผิวต่างๆ
● หากมีก้อนใต้ผิวหนัง สามารถนวดเบาๆ ได้
● หากมีอาการบวมช้ำ สามารถประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการได้
● พบแพทย์ตามนัดหมายเพื่อประเมินผลการรักษา
ทำไมต้องทำ Biostimulator และยกกระชับที่ Dr.Alex Aesthetic Clinic
เพราะการทำ Biostimulator ที่ Dr.Alex Aesthetic Clinic เราใส่ใจความแตกต่างของปัญหาที่คนไข้แต่ละรายต้องการแก้ไข เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เลเซอร์ และการปรับรูปหน้า ที่ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ผิวอย่างละเอียด มีความชำนาญในการใช้เครื่องมือต่างๆ จึงสามารถ “ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล” เลือกเครื่องมือที่ดีที่สุด เทคนิคที่ดีที่สุด เพื่อให้ได้การรักษาที่เหมาะสมและผลลัพธ์ที่เหนือกว่าจากเทคนิคที่แตกต่าง
สรุป
Biostimulator คือ สารกระตุ้นคอลลาเจน ที่เมื่อฉีดเข้าสู่ใต้ชั้นผิวหนังแล้วจะเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวแน่นกระชับ อิ่มฟู ยืดหยุ่นดี โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น ป้องกันความเสื่อมสภาพของผิว เหมาะมากกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยต่างๆ ที่เกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งผลลัพธ์ยังอยู่ได้นานและเป็นการฟื้นฟูผิวจากภายใน ที่ Dr.Alex Aesthetic Clinic เรามีบริการฉีดBiostimulator ที่ทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ทำให้สามารถวางแผน ประเมินปัญหาของคนไข้อย่างเหมาะสม ผลลัพธ์ออกมาสวยเข้ากับปัญหาแต่ละเคส
Dr.Alex Aesthetic Clinic
Leave a reply