Profhilo คืออะไร
Profhilo คือ สารปรับปรุงคุณภาพผิวในทุกชั้น (Skin remodeling) จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีส่วนประกอบของกรดไฮยาลูรอนิกเนื้อเบาที่เป็นแบบ Non-crosslinked Hyaluronic acid บริสุทธิ์เข้มข้นถึง 64 mg ด้วยเทคโนโลยี NAHYCO Hybrid Technology ของบริษัท IBSA Group บริษัทชั้นนำด้านการผลิตกรดไฮยาลูรอนิก มีประสิทธิภาพสูงในการฟื้นฟูผิว รับประกันความปลอดภัยจาก อย.ยุโรป และอย.ไทย
แม้ Profhilo จะมีส่วนประกอบหลักเป็นกรดไฮยาลูรอนิกแต่ไม่ได้จัดอยู่ในหมวดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มโดยสิ้นเชิง เนื่องจาก Profhilo เป็นแบบ Non-crosslinked Hyaluronic acid ซึ่งฟิลเลอร์เป็นแบบ Crosslinked Hyaluronic acid ทำให้ไม่มีตัวเชื่อมพันธะ BDDE แบบฟิลเลอร์ จึงแพ้น้อย อักเสบน้อย ไม่เป็นก้อน หรือเพิ่มวอลลุ่มได้เหมือนฟิลเลอร์
หลักการทำงานของ Profhilo
เมื่อฉีด Profhilo เข้าสู่ผิว ตัวยาจะกระจายตัวไปตามชั้นผิวหนัง และเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ 4 องค์ประกอบด้วยกันครับ คือ
- Keratinocytes (เซลล์หนังกำพร้า) ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูสดใสและกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
- Fibroblast (เซลล์คอลลาเจน) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก
- Adipocyte (เซลล์ไขมัน) ช่วยเพิ่มปริมาณเซลล์ไขมันในผิว ทำให้ผิวดูเต็มอิ่ม มี Baby Fat
- Myocyte (เซลล์กล้ามเนื้อ) ช่วยสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อใต้ผิว ลดความหย่อนคล้อย คืนความกระชับ
สรุป หลักการทำงานของ Profhilo ไม่เพียงแค่ช่วยฟื้นฟูผิวในระดับผิวเผินเท่านั้น แต่ยังเข้าไปซ่อมแซมและกระตุ้นการทำงานของเซลล์ในชั้นโครงสร้างผิว ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวมีความยืดหยุ่น แข็งแรง และสุขภาพดี ทำให้ Profhilo เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากมีผิวเด็กครับ
ส่วนประกอบสำคัญ
ประกอบด้วยไฮยาลูโรนิกแอซิดที่มีความเข้มข้นสูง สารนี้มีความสามารถในการเก็บกักน้ำในชั้นผิว ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นและเรียบเนียน นอกจากนี้ยังไม่มีสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย จึงมีความปลอดภัยต่อผิว โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบาง
กลไกการทำงาน
เมื่อฉีดเข้าสู่ชั้นผิว จะเกิดการกระตุ้นเซลล์ในผิวให้ผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินมากขึ้น ไฮยาลูโรนิกแอซิด จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวและทำให้เกิดการฟื้นฟูโครงสร้างผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ สารนี้มีลักษณะการกระจายตัวที่ดี ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติและเรียบเนียน ไม่เกิดการก่อให้เกิดการอักเสบ
จุดเด่นของ Profhilo
จุดเด่นหลักๆ ของ profhilo มีดังนี้
- ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ เส้นใยคอลลาเจน และอีลาสติน (Bio Remodeling) โดยไม่ผ่านกระบวนการอักเสบ
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ถึง 4 ชนิด ได้แก่ คอลลาเจนชนิดที่ 1, 3, 4 และ 7
- โปรแกรม Profhilo ทำได้ทุกจุดทั้งใบหน้าและลำตัว
- ช่วยลดการอักเสบ
- ทนความร้อน *ทำพร้อมเครื่องได้ หรือจะทำเครื่องก่อน/หลังก็ได้
- Profhilo Friendly ทำพร้อมกลุ่มฉีดอื่น ๆ ได้
- ตื่นนอนผิววาว ไม่ต้องรอ 1 เดือน
- ไม่มีสารเคมีเป็นส่วนประกอบในการเชื่อมพันธะ
- มีปริมาณ HA สูงถึง 64 มิลลิกรัม แต่กระจายตัวได้ดี ไม่เป็นก้อนอุดตันเส้นเลือด
- จุดฉีดน้อย เพิ่มความสบายให้คนไข้ ลดความเจ็บปวด
ฉีด Profhilo ช่วยอะไร
การฉีด profhilo มีข้อดีหลายอย่าง ทั้งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นผิว และฟื้นฟูผิวให้กลับมากระชับ ผิวดูสุขภาพดี ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ รวมไปถึงช่วยกระตุ้น skin remodeling หรือกระบวนการปรับโครงสร้างผิว
ข้อดีหลักๆ ของการฉีด profhilo มีดังนี้
- กระตุ้น skin remodeling (กระบวนการปรับโครงสร้างผิว) ส่งผลให้ริ้วรอยและจุดด่างดำลดน้อยลง สร้างเสริมความยืดหยุ่นและความกระชับให้ผิว ฟื้นฟูรอยแผลจากสิวหรือการบาดเจ็บ ทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดี โดยที่กระบวนการปรับโครงสร้างผิวสามารถเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อช่วยให้ร่างกายสมานแผล แต่การกระตุ้นกระบวนการด้วยวิธีทางการแพทย์โดยการฉีดกรดไฮยาลูรอนิกเข้มข้นสูง ก็สามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูโครงสร้าง และปรับสมดุลทุกชั้นผิวตั้งแต่ชั้นตื้นจนไปถึงชั้นลึก เพื่อผลลัพธ์ด้านความงามได้ด้วยเช่นกัน
- ปรับโครงสร้างของ extracellular matrix ทำให้เซลล์ดี ได้แก่ เซลล์ผิวหนัง Keratinocytes เซลล์หนังชั้นกำพร้าชั้นนอกสุด ช่วยป้องกันผิวหนังจากอันตราย เซลล์ FIBROBRASTS คอยสร้างเส้นใย และเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังอย่างเส้นใยอีลาสติน เส้นใยคอลลาเจน และเซลล์ไขมัน ADIPOCYTES มีประโยชน์ต่อร่างกายสูงอยู่ได้ยาวนานขึ้น
- ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1,3,4 ช่วยในการทำงานของระบบประสาท และเส้นเลือด ชนิดที่ 7 ช่วยทำให้ผิวแข็งแรง สมานแผลได้ดี ป้องกันไม่ให้ผิวเปราะบาง และกระตุ้นอีลาสตินในชั้นผิวให้มากขึ้น
โดยรวมแล้ว profhilo มีหน้าที่ในการกระตุ้นคอลลาเจน สร้างเสริมให้กระบวนการทำงานของชั้นผิวให้มีประสิทธิภาพ ช่วยฟื้นฟูริ้วรอย รอยสิว จุดด่างดำ
Profhilo ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง ฉีดอย่างไร
การเตรียมตัวก่อนทำ
1.ปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
2.หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ทำให้เลือดออกง่าย เช่น แอสไพริน วิตามินอี หรือยาต้านการอักเสบ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
3.ควรงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการรักษา
4.หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์หรือหัตถการอื่นในช่วง 1-2 สัปดาห์
การดูแลหลังทำ
1.หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ที่ทำให้เหงื่อออกมากใน 24 ชั่วโมงแรก
2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือถูบริเวณที่ทำ
3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่แช่วยในการฟื้นฟูผิวและรักษาความชุ่มชื้น
4. สังเกตอาการที่ผิดปกติ เช่น อาการบวม หรือแดง ควรปรึกษาแพทย์หากมีปัญหาเกิดขึ้น
Leave a reply