คำถามยอดฮิตประจำคลินิกเลยคือ ตั้งครรภ์ สามารถผ่าตัดศัลยกรรมและฉีดหน้าได้ไหม บทความนี้มีคำตอบ เพราะว่าแน่นอนว่าแม่ ๆ ที่ตั้งครรภ์จะต้องกังวลและลังเลในการที่จะทำสวย ไม่ว่าจะเป็นการศัลยกรรมหรือการฉีดหน้าต่าง ๆ เพราะความอยากสวยมันห้ามกันไม่ได้จริง ๆ วันนี้ทางเราจึงเอาความรู้มาฝาก แม่ ๆ ที่ตั้งครรภ์จะได้มั่นใจว่าควรที่จะทำหรือไม่
1.ผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์
เมื่อมีการผ่าตัดเกิดขึ้น แน่นอนว่าแพทย์จะมีการใช้ยาชา ซึ่งยาชาบางประเภท มีฤทธิ์กล่อมประสาท โดยเมื่อใช้ยานานเกิน 3 ชั่วโมง อาจทำให้สมองตาย และในระยะยาว อาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ ทำให้มีปัญหาทางระบบประสาท พัฒนาการทางสมอง จนเป็นสมาธิสั้นได้ นอกจากนี้การทานยาแก้ปวดอย่าง แอสไพริน และไอบูโรเฟน ก็ส่งผลให้เลือดแข็งตัว จนอาจทำให้เกิดการแท้งบุตร หรือคลอดเกินกำหนดได้
2.ผลกระทบต่อการให้นม
ยาบางตัวนอกจากจะส่งผลกระทบในระหว่างตั้งครรภ์แล้ว ยังส่งผลระยะยาวต่อการสร้างน้ำนมแม่ ทำให้ปริมาณน้ำนมผลิตออกมาได้น้อยลง จึงไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงลูก นอกจากนี้การที่ลูกได้รับยาผ่านน้ำนม ในขณะที่ลูกน้อยไม่ได้เจ็บป่วยนั้น ยังส่งผลทำให้ลูกน้อยเกิดการดื้อยาตัวนั้นๆ ในอนาคตได้อีกด้วย แนะนำให้ปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดในเรื่องยา
3.ระยะการพักฟื้น
การทำศัลยกรรมต้องอาศัยการฟื้นฟูร่างกายสักพักเพื่อให้กลับมาแข็งแรงดังเดิม แต่คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ที่มีร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว จะฟื้นตัวได้ยาก หรือต้องใช้เวลานานกว่าปกติ รวมทั้งยังต้องคอยดูแลและระวังบาดแผลที่เพิ่งผ่านการทำศัลยกรรมมา ไม่ให้เกิดการอักเสบ บวมอีกด้วย
4.ปัญหาผิวพรรณ
ด้วยระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงของคนท้อง จึงทำให้หลายคนมีผิวพรรณที่คล้ำขึ้น โดยเฉพาะตามข้อพับต่างๆ ทั้งคอ แขน และขา ซึ่งตามปกติแล้ว หลังคลอดบุตร เมื่อฮอร์โมนกลับมาปกติ ปัญหาผิวพรรณต่างๆ ก็จะดีขึ้นเอง
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า การทำศัลกรรมขณะตั้งครรภ์นั้น อาจมีผลกระทบได้เป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นควรรอหลังคลอดแล้วค่อยทำจะดีกว่า
ตั้งครรภ์สามารถฉีดหน้าได้ไหม
การฉีดหน้านั้นไม่ว่าจะเป็น Botox filler ถ้าถามว่าฉีดได้ไหม ก็สามารถฉีดได้ แต่แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์ เพราะมันขึ้นอยู่กับอายุครรภ์และปริมาณยาและยาที่ฉีดว่าปลอดภัยกับแม่และเด็กหรือไม่ แนะนำว่าเพื่อความชัวร์และปลอดภัยกับเด็กในท้องให้เว้นระยะไว้ก่อน หรือไม่ต้องปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด
Leave a reply