Revision Rhinoplasty

แก้จมูกทีไหนดี?

ในยุคปัจจุบันมีกรณีเคสที่ทำจมูกมาแล้วอยากแก้มีจำนวนมากขึ้น สาเหตุและปัจจัยหลักๆ มีไม่กี่ประการ เช่น

• เรื่องของรูปทรง ไม่เป็นที่พอใจ
• ปัญหาเอียง
• ปัญหาปลายบาง แดง ทะลุ ใส
• อยากเปลี่ยนทรงตามเทรนด์
• ขูดสลายฟิลเลอร์/ซิลิโคนเหลว

แต่การแก้จมูกในหลายๆ รอบไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะการถอดซิลิโคนออกทุกครั้ง แพทย์จะต้องมีการขูดพังผืดหรือฟิลเลอร์ออกไปด้วย ซึ่งนั่นหมายถึงการที่เนื้อเยื่อจมูกจริงๆบางส่วน จะโดนขูดออกไปด้วยเช่นกัน และเป็นที่มาของการทำให้เนื้อจมูกบางลง เนื้อจมูกที่บางถึงระดับหนึ่งหากเสริมใหม่ต้องมีการใช้ชิ้นส่วนธรรมชาติของร่างกายมาประกอบเช่น กระดูกอ่อนหลังหู เนื้อเยื่อก้นกก กระดูกซี่โครง หรือไขมันตัวเอง เพื่อลดความเสี่ยงของการอักเสบและทะลุในระยะยาว

ศัลยกรรมจมูกใหม่ต้องเลือกแพทย์ที่ชำนาญ และมีประสบการณ์
ปัจจัยการแก้จมูกให้ได้จมูกที่ดีกว่ามีดังนี้

• แพทย์ต้องขูดพังผืด ฟิลเลอร์หรือซิลิโคนเหลวที่มีอยู่ออกให้ได้มากเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าหากยังเหลือพังผืดหรือฟิลเลอร์ตกค้าง ซิลิโคนที่ใส่เข้าไปมีโอกาสที่จะผิดรูป ผิดเพี้ยนเพราะการดันของพังผืด ฟิลเลอร์หรือซิลิโคนเหลวได้
• การแก้ไขจมูกใหม่สามารถทำได้เมื่อเนื้อเยื่อและทรงเข้าที่ดีแล้ว ในบางเคสที่เสริมจมูกด้วยเทคนิคที่ไม่ซับซ้อนมากเช่น การเสริมด้วยซิลิโคนเพียงอย่างเดียว ทางคลินิกสามารถแนะนำให้รอ 3 เดือน แต่ถ้าหากมีการทำ Open Rhinoplasty, Septum Extension, มีการเติมปลายด้วยกระดูกอ่อนหลังหู แพทย์จะแนะนำให้รออย่างต่ำ 5-6 เดือน เพื่อให้แผลด้านในแห้งสนิทและทรงเข้าที่ เพราะถ้าหากมีการแก้ไขรูปทรงหรือเสริมใหม่ในขณะที่ด้านในยังอักเสบอยู่จะส่งผลให้การประเมินทรงจมูกใหม่ไม่แม่นยำเท่าที่ควร
• ลองเปลี่ยนเกรดซิลิโคนให้ดีขึ้น นิ่มขึ้น และเสริมเทคนิคอื่นๆ ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาจมูกจริงๆ ไม่ควรเน้นเรื่องความสวยงามมาก เว้นแต่ต้องการเปลี่ยนทรง โดยส่วนใหญ่คนไข้จะเข้าใจว่าการเสริมจมูกสามารถเสริมเพียงซิลิโคนอย่างเดียวก็ใช้ได้แล้ว แต่จริงๆ การเสริมจมูกที่เปลี่ยนโครงสร้างจมูกขึ้นอยู่กับเทคนิคอื่นๆ ประกอบ ซิลิโคนเป็นเพียงตัวเสริมให้ได้สันจมูก ไม่ใช่ทรงจมูก